วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

Visited Big Jesus Monument and Bukit Kasih ชมอนุสาวรีย์พระเยซู และบูกิตกาซิห์

Next morning on 18th May 2009 (4th Day of the trip) we went up to the restaurant of the hotel again and had breakfast, the same kin of food but the fried rice mixed with the salted fish meat and boiled rice had some peanut and corn inside. During the breakfast we can see Manado view in another conrner. In this picture we can see many boats anchored at the pier, many workmen were carrying the goods in and out from their boats. Behind this picture we can see Manado Tua Island and Bunaken Island on the right. (The island that look like the mountain is Manado Tua and the small flat one in Bunaken Island) After finished the freakfast, we went down to the reception and paid for one more night another 150,000 Rp gone. And we rent the same motorbike from the same owner. He looked quite happy as he did not have to work like motorbike taxi that day again.



วันต่อมาซึ่งเป็นวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 (วันที่ 4 ของการเดินทาง) ตื่นขึ้นมาเราก็ขึ้นไปกินข้าวที่ชั้นบนอีกรอบครับ วันนี้เมนูเหมือนเดิมไม่มีผิดแต่ข้าวผัดวันนี้ใส่ปลาเค็มครับ กินอร่อยแบบแปลกๆ คือแบบว่าอร่อยแต่สู้บ้านเราไม่ได้ประมาณเนี้ยะ แล้วก็ข้าวต้มก็ใส่ถั่วลันเตากับข้าวโพด ก็อร่อยดี แต่พองๆแก้ม ถึงอย่างไรก็ตามเราก็กินจนเต็มท้อง แบบว่าไม่ต้องหิวตอนไปเที่ยวมากนัก และจะได้ประหยัดตังค์ค่าอาหารด้วยครับ ระหว่างทานอาหารเราก็ถ่ายรูปไปด้วยครับ รูปแรกนี้เป็นรูปอีกมุมหนึ่งของท่าเรือ มีเรือขนส่งสินค้าจอดอดสมอที่ท่าเรือหลายลำ คนงานขนของเข้าขนของออกจากเรือตัวเองอย่างขมักเขม้น ด้านหลังลิบๆของรูปจะมองเห็นเกาะมานาโดตัวและเกาะบูนาเค็นครับ (อันที่เหมือนภูเขากลางทะเลคือเกาะมานาโดตัว และ อันแบนๆข้างๆทางซ้ายคือเกาะบูนาเค็นครับ) ทานข้าวเสร็จเราก็ลงกันมาข้างล่างจ่ายตังค์ค่าห้องเพิ่มอีก 1 คืน หมดไปอีก 150,000 รูเปียห์ แล้วก็ไช่มอเตอร์ไซต์ตาลุงนั่นอีก 100,000 รูเปียห์ (ดูลุงแกมีความสุขมากเลยที่เราเช่ารถแกอีกวันเพราะว่าแกไม่ต้องวิ่งมอไซต์รับจ้างทั้งวันเลยอีกวัน)


We went out from Manado Town along Sam Ratulangi Road (with got lost again long time) And we arrived at the Citra Land on the way to Tomohon, The Citra land is the project houses for sell and waterpark. ได้มอเตอร์ไซต์ก็ออกมานอกเมืองตามถนน ซาม ราตุลางี ครับผม แต่ก็หลงวันเวย์เช่นเคยครับกว่าจะหาทางออกได้ แต่เราเก่งครับ หาเจอจนได้ (ลืมบอกไปว่าที่สนามบินซาม ราตุลางี ไม่มีข้อมูลท่องเที่ยวหรือแผนที่ให้นักท่องเที่ยวเลย หรือว่าเราหาไม่เจอเองก็ไม่รู้ แต่แผนที่ที่เราได้มาเป็นแผ่นพับโบรชัวร์ เราไปขอมาจากโรงแรมซาฮิตคาวานัวที่อยู่แถวๆปาซาร์45 ใกล้ๆโรงแรมเซลีเบสครับ เพราะที่โรงแรมเซลีเบสก็ไม่มีเหมือนกัน แต่ขึ้นชื่อว่าแผนที่ยังไง้ยังไงก็ไม่อัพเดทถูกหมดเหมือนสถานที่จริงทุกอย่าง ต้องทำเรางงจนได้แหละน่า แต่เอาเถอะ ดีกว่าไม่มีอะไรดู ยิ่งแผนที่ในโลนลี่แพลนเน็ทยิ่งแย่ไปใหญ่ ไม่มีรายละเอียดเอาซะเล้ย ในโลนลี่แพลนเน็ทบอกว่ามีสำนักงานการท่องเที่ยวที่เราสามารถขอแผนที่ได้ที่ ถนน Diponegoro 111 แต่ปรากฎว่าเขาย้ายไปแล้ว เพิ่งมารู้ตอนมีแผนที่แล้วว่ามันย้ายมาอยู่ที่ ถนนซามราตูลางี ข้างปั๊มน้ำมัน Wanea) ออกมานอกเมืองก็จะเจอปั๊มน้ำมัน แวะเิติม 10,000 รูเปียห์ ได้มาค่อนถังรวมกับที่มีอยู่ก่อนก็เกือบเต็มถัง เพราะวันนี้เรามีแพลนจะไปไกลครับ

There is a big Monument of Jesus on the mountain cliff and also there is a clock tower name Big Ben of Sulawesi too. We were invited by the ladied who worked there inside the project to escape the rain and told us to go up the stairs to the statue of Jesus above. There were many steps and took about 10 minutes to walk up untill the base of the statue on the mountain. ออกเมืองมาสักครู่ก็จะเจอซิตร้าแลนด์ครับ (คนละเจ้าของกับซิตร้าครีมทาผิวนะครับ) อยู่ระหว่างทางที่จะไปเมืองโทโมฮอน เมื่อวานขับมอไซต์ผ่านเหมือนกันตอนกลับมาจากโทโมฮอนแต่ไม่ได้สังเกตเพราะว่าฝนตกและมืดค่ำด้วย ซิตร้าแลนด์เป็นบ้านจัดสรรค์ครับ แล้วก็มีสวนน้ำที่เปิดให้คนภายนอกเข้าไปเล่นได้ด้วยแต่จ่ายตังค์นะ ไม่รู้เท่าไหร่เหมือนกัน ไม่ได้เข้าไปเล่น แต่จุดเด่นของที่นี่คืออนุสาวรีย์พระเยซูคริสต์สูงเด่นตระหง่านอยู่บนยอดเขา จำไม่ได้แล้วครับว่าสูงกี่เมตร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ Monumen Yesus Memberkati ก็แปลเป็นไทยว่าอนุสาวรีย์พระเยซูประทานพร อะไรทำนองนี้แหละครับ 



After came down from the statue it was very heavy rained again and we had to stop there nearly 1 hour. One lady in the office there can speak English very well, and when she knew we came from Thailand, she and her friends were very surprise and asked us many things about Thailand. We aksed them the way to Bukit Kasih and they drew a map for us to Bukit Kasih.




ด้านข้างมีหอนาฬิกาชื่อบิ๊กเบ็นด้วยครับ แต่บิ๊กเบ็นแห่งมานาโดนะครับไม่ใช่ลอนดอน เราได้รับคำชักชวนจากสาวๆที่ทำงานในร้านขายของด้านล่างให้ขึ้นไปที่ฐานพระเยซูข้างบน เพราะข้างบนวิวสวย เราก็ขึ้นไปครับ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระหว่างทางก็จะมีป้ายที่ทำจากหินอ่อนมีรูปพระเยซูและคำสอนต่างๆเป็นภาษาอินโดนีเซีย เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะผมเป็นพุทธครับ ไม่รู้เรื่องคริสต์สักเท่าไหร่เลยไม่อ่าน ถ่ายรูปมาเฉยๆแต่ขี้เกียจเอามาลงให้เพราะว่ามันเยอะมากๆๆๆๆ เกือบ 30 ป้ายแน่ะกว่าจะถึงบนยอดฐานพระเยซู ขึ้นไปได้ไม่นานฝนก็ตกลงมาอีกแล้ว หนักซะด้วยต้องรีบวิ่งลงเป็นการใหญ่ แล้วก็รอฝนหยุดอีกเกือบชัวโมง ระหว่างที่รอก็สั่งเครื่องดื่มมาดื่มนิดหน่อย สาวนางหนึ่งที่ร้านคุยอังกฤษได้ก็เข้ามาชวนคุยพอรู้ว่าเรามาจากไทยแลนด์ ถามโน่นถามนี่ใหญ่เลย เพื่อนๆเธอที่พูดอังกฤษไม่ได้ก็ถามโน่นถามนี่กับคุณเธอมาอีกที แหม! รู้สึกตัวเองเหมือนดารายังไงยังงั้นเลยงานนี้ เราก็ถามทางที่จะไปบูกิต กาซิห์ หรือ หุบเขาแห่งความรักครับ (บูกิตแปลว่าภูเขา กาซิห์แปลว่ารักครับ) พวกเธอก็ช่วยกันวาดแผนที่ให้พวกเรา แต่ก็ไม่ละเอียดมาก เราต้องหาทางไปอีกมากและต้องถามผู้คนไปเรื่อยๆตลอดเส้นทางอยู่ดีครับ



After got wet in the rain and asking the way all along the time, finally we arrived Bukit Kasih. We paid for the entrance fee 1,500 Rp per person. Bukit Kasih has a prominent statute of 4 religions in Indonesia, Muslim, Christian, Hindu and Buddhist. Each side has the sign or the symbol of each region. หลังจากเปียกมะล่อกมะแล่ก กับการหาทางไปบูกิต กาซิห์ และต้องถามทางกับชาวบ้านตลอดที่เจอทางแยก เราก็มาถึงจนได้ จ่ายค่าเข้าคนละ 1,500 รูเปียห์ แล้วก็เข้าไปถ่ายรูป บูกิต กาซิห์ จะเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักของสี่ศาสนาในอินโดนีเซียคือ อิสลาม คริสต์ ฮินดู และพทธ ครับ



We took the pictures from all sides but show in this blog only Buddist side that showing the Buddha Image and the stupa of Borobudur in Yogyakarta in Java Island and below it is the alphabet writing the Buddhist chanting. แต่ละด้านก็จะมีสัญลักษณ์และคำสอนของแต่ละศาสนา ที่จริงถ่ายมาทุกด้านครับแต่เอามาโชว์แค่ของสาสนาพุทธพอครับ เป็นรูปพระพุทธองค์ ด้านหลังเป็นสถูปคู่ที่เป็นสัญลักษณ์จำลองมาจากบุโรพุทโธ ที่เมืองย็อกยาการ์ตา บนเกาะชวาครับ ด้านล่างก็มีคำสวดมนต์นโมตัสสะภควโต....เขียนเป็นภาษาอินโดครับ


In this area we can see the smoke from the sand because it is located in the volcano area. We smelled a little of the sulfur but not too strong, there was a stream that in the middle of the water current was destroyed by the acid and the water always gray. In the water, the local peple can boil the eggs, the maize for sell in the local restaurant behind the statue. รอบๆบริเวณบูกิต กาซิห์จะมีควันออกมาจากใต้ดินตลอดเลยครับ เพราะอยู่ในบริเวณภูเขาไฟ เราก็ได้กลิ่นกำมะถันนิดๆครับ ข้างๆมีลำธารที่น้ำไหลมาจากภูเขา แต่น้ำเป็นสีเทาข้นมากๆ เป็นดินผสมน้ำจากใต้ดินด้วยจากภูเขาด้วยไหลลงมา ตรงกลางลำธารจะเป็นร่องลึกลงไปอีกเพราะว่าโดนกรดจากน้ำกัดเซาะอยู่ตลอดเวลา ชาวบ้านเอาไข่ เอาข้าวโพดมาใส่กระสอบมาวางในบึงที่เป็นน้ำพุร้อนนี้แล้วก็เอาไปขาย แต่เราไม่กล้าซื้อกิน กลัวไม่สะอาด



We got hungry and ordered Nasi Koreng Ikan (Fried Rice with the fish) and also we requested Dabu Dabu from the restaurant and during we were eating we saw the local people were dipping their feet in the bucket of the hot water from the hot spring and we also ordered one for us, it costed 20,000 Rp It was very very hot water but we felt so relax at our feet. And the fried rice cost 25,000 Rp per person. แต่ก็ไปสั่งข้าวผัดปลาจากร้านอาหารที่อยู่ใกล้ที่แช่ข้าวโพดในบึงน้ำพุร้อนสีเทานี้ อร่อยมากๆ เราขอดาบูดาบูด้วย อร่อยจริงๆครับ ระหว่างกินข้าวก็เห็นเด็กในร้านเอาถังใส่น้ำร้อน ไม่แน่ใจว่าเอามาจากไหน เห็นตักเอามาจากหลังร้าน น้ำใสนะ แต่ร้อน แล้วก็เอามาให้ลูกค้าแช่เท้า เราเห็นก็ลองขอด้วย เขาคิดตั้ง 20,000 รูเปียห์แน่ะ 80 บาท ค่าข้าวก็คนละ 25,000 รูเปียห์ น้ำที่แช่เท้า ร้อนได้ใจจริงๆ แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายมากเลย เพราะเราเท้าเปียกน้ำทั้งวันเพราะตากฝน แล้วก็หนาวด้วย พอมาเจอน้ำนี้เข้า บอกได้เลยว่าสุดยอดครับ


After that, we went back to Manado and returned the motorbike to the owner.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น