On Thursday 28th May 2009 We planed to see the places in the north of Rantepao. We went to have break fast in the small local reataurant as usual.
ตื่นเช้าขึ้นมาเป็นวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม 2552 ครับ วันนี้เรามีแผนจะไปชมสถานที่ต่างๆด้านเหนือของรันเตเปากันนะครับ แต่ก่อนอื่นต้องขอรองท้องก่อน กินที่โรงแรมข้าวผัดจานละสองหมื่น (แปดสิบบาท) ทุกวันก็ไม่ไหว เอาร้านข้างทางนี้แหละครับ ประหยัดดี คุณป้าเจ้าของร้านคิดเราแค่สองหมื่นห้าพันรูเปียห์(หนึ่งร้อยบาท)ทุกที ไม่ว่าจะกินเยอะกินน้อย แต่ทุกครั้งเราก็ให้แกสามหมื่นรูเปียห์ครับ เพราะเรากินเยอะจริงๆ สงสารแก ที่เป็นชาวบ้านๆจิตใจงดงามมากครับ วันกลับผมให้แม่เหล็กติดตู้เย็นที่เป็นรูปช้างไทยแลนด์ให้แกตัวหนึ่งเป็นที่ระลึกครับ
The old lady (owner of the restaurant) made this thing called "Bawan" made from flour and mixed vegetable. We ate them with steamed rice and chilli sauce called " Lombok Sambal" The brown color in another dish is "Darda" It is the sweet made from flour and sugar and coconut. These things we ate in this restaurant nearly everyday while we stayed in Tana Toraja.
คุณป้าเจ้าของร้านแกทำ"บะอวน" สีเหลืองๆในจานขายทุกวันเลย ทำจากแป้ง ผสมผักแล้วเอามาทอด ก็อร่อยดีครับ กินกับข้าว แล้วก็จิ้มซอสพริกคล้ายๆดาบูดาบูที่มานาโด แต่ที่นี่เขาเรียก "ล็อมเบาะ ซัมบัล" ครับ แล้วก็ขนมอันสีน้ำตาลที่อยู่ในอีกจานเรียกว่า "ดาร์ดา" ครับ มองตอนแรกนึกว่าผ้าขนหนูม้วนอยู่ครับ อร่อยมากทำจากแป้ง น้ำตาล แล้วก็มีเนื้อมะพร้าวอยู่ข้างในครับ
We went to the way north of Rantepao, passed many rice paddy to find T0ngkonan Houses at Palawa. พวกเราขี่มอเตอร์ไซต์ไปทางด้านเหนือของรันเตเปาครับ ผ่านทุ่งนาเยอะๆอย่างนี้ครับ จะไปดูบ้านแบบท็องโกนันที่ปาลาวา ครับ
This are Tongkonan Houses at Palawa. We paid 10,000 Rp per person for visiting fee.
มาถึงปาลาวาแล้วครับ จ่ายค่าเข้าคนละ หนึ่งหมื่นรูเปียห์ครับ (สี่สิบบาท)
Tongkonan Houses on the left side. ท็องโกนันฝั่งทางด้านซ้ายมือเราครับ
The motif at the front of a Tongkonan House at Palawa. ลวดลายด้านหน้าของบ้านท็องโกนันหลังหนึ่งที่ปาลาวา
So many buffalo horns here. เขาควายเยอะมาก แสดงว่ามีการฆ่าควายกันเยอะมากจริงๆ
A Tongkonan House was adapted inside to be the souvenir shop. บ้านท็องโกนันหลังหนึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นร้านขายของที่ระลึกข้างใน
After Palawa we went back to the T-junction where showed the sign of the way to Batutumonga. We went along the way and passed this view at Deri.
หลังจากชมบ้านท็องโกนันที่ปาลาวาแล้วเราก็ย้อนกลับมาทางเดิมนิดหน่อยตรงทางแยกมีป้ายบอกทางไปบาตูตูม็องกา เราก็เลี้ยวเข้าไปทางนั้น ผ่านมาสักระยะหนึ่งก็จะเจอทุ่งนาสีเขียวสุดลูกหูลูกตาที่หมู่บ้านชื่อ เดรี่ ครับ
The next picture we took when we stop at a kiosk in Lempo.
รูปข้างบนนี้ถ่ายตอนเราหยุดพักที่ร้านขายของชำข้างทางที่หมู่บ้านชื่อ "เล็มโป" ครับ
At Batutumonga we stopped at this restaurant. ที่บาตูตูม็องกา เราแวะถ่ายภาพที่ร้านอาหารนี้ครับ ที่จริงเป็นรีสอร์ทให้พักค้างคืนได้ด้วยครับ
From Batutumonga we can see the town of Rantepao below. จากบาตูตูม็องกา เราสามารถมองเห็นตัวเมืองรันเตเปาที่อยู่เบื้องล่างได้ครับ
Rantepao Town can be seen from Batutumonga. เมืองรันเตเปาอยู่ข้างล่างนะครับ
Then we continued to find stone grave at Lo'Ko' Mata. หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อครับ จะหาสุสานหินที่โลโกมาตา ครับ
The children were walking back to thier home after finished the school in the afternoon. เด็กๆนักเรียนเดินกลับบ้านหลังโรงเรียนเลิก
This is the stone grave of Lo'Ko'Mata just about 2 kms from Batutumonga. It is the largest burial site in Tana Toraja with numerous tombs chiseled in the rock.
มาถึงโลโก มาตา แล้วครับ ประมาณ 2 กิโลเมตรจากบาตูตูม็องกา เป็นสุสานที่เก็บศพไว้เยอะที่สุดในทานาตอราจาเลยครับ
Looked from beside the road, many holes. มองจากด้านข้างนะครับ หลายโลงศพเหลือเกินที่เก็บไว้ในโพรงหิน
Behine the stone grave at Lo'Ko' Mata มองจากด้านหลังของสุสานครับThen we found the way to go back to Rantepao. We went back about 1 km. to the T-junction that show the sign of the road to Pana. We passed the area that the local people made the rice dry with the sunlight beside the road.
หลังจากนั้นเราก็หาทางกลับรันเตเปาครับ เราย้อนกลับไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกมีป้ายบอกว่าไป "ปานา" เราก็เลี้ยวเข้าไปครับ ระหว่างทางเจอชาวบ้านเอาข้าวเปลือกมาวางตากแดดให้แห้งอยู่ริมถนนแบบนี้ครับ เหมือนบ้านผมเลย
On the way back to Rantepao, the road between Pana and Tikala (where we can continue later to Rantepao) was not so good. It was no asphalt road about 2 kms. long. (We had to walk 1 person and rode on motorbike 1 person, as we were afraid that we got the flat tyre like we were in Manado.)
ถนนที่จะไปรันเตเปาช่วงระหว่าง "ปานา" และ "ติกาลา" ยังเป็นหินลูกรังครับ ทางค่อนข้างลำบากแบบนี้ประมาณ 2 กิโลเมตรครับ เราต้องขี่มอเตอร์ไซต์คนหนึ่ง เดินคนหนึ่งเพราะกลัวล้อรั่วเหมือนที่มานาโดครับ
After Tikala the road was so nice again and this is the picture of the rice paddy and some Tonkonan Houses close to Rantepao. Then we arrive at Pia's Poppies Hotel. We had to return the motorbike this day. (The motorbike rental shop will come to take it back from the hotel.)
หลังจากติกาลา ถนนก็ลาดยางเหมือนเดิมครับ ภาพนี้ถ่ายก่อนถึงรันเตเปาครับ สวยมาก มีทุ่งนา แล้วก็บ้านท็องโกนันด้วยครับ แล้วเราก็กลับโรงแรม เพียส์ป๊อปปี้อย่างปลอดภัย วันนี้เราต้องคืนมอเตอร์ไซต์แล้วครับ ครบสามวันแล้ว เจ้าของเขาจะมาเอาคืนเองที่โรงแรม
Next topic :
บทความถัดไป :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น