On Saturday 30th May 2009 we rented a motorbike again as the owner of the tohel told us to go to see Bolu animals market and Toraja Wedding Ceremony at Nanggala Village on the way to Palopo. Bolu market is held every 6 days. We have to ask the people day to know the exact day. To visit the market, we had to pay for visiting fee 10,000 Rp per person.
วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2552 พวกเราต้องเช่ามอเตอร์ไซต์อีกรอบเพราะว่า เจ้าของโรงแรมบอกว่ามีตลาดขายสัตว์ที่โบลู ในวันเสาร์นี้ แล้วก็จะมีงานแต่งงานของญาติเขาที่หมู่บ้านนังกาลาด้วย (ทางที่จะไปปาโลโป) ตลาดขายสัตว์ที่โบลูจะมีทุกๆ 6 วัน เพราะฉะนั้นถ้าใครจะไปต้องเช็คกับโรงแรมหรือชาวบ้านที่นั่นครับ ว่ามีวันไหน ในการเข้าไปชมตลาดจะมีคนมาเก็บตังค์นักท่องเที่ยวครับ เป็นเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียครับ ค่าเข้า 10,000 รูเปียห์ต่อคนครับ
The men carried a pig from the truck. หนุ่มๆกำลังหามหมูตัวนี้ลงมาจากรถบรรทุกครับ
Many pig were strappedwith the beam. All were alive but lying still as it was very tight strapped.หมูจะถูกมัดเอาไว้กับไม้คานอย่างแน่นหนาครับ เคลื่อนไหวไม่ได้เพราะเขามัดแน่นมาก พวกมันเลยต้องนอนนิ่งๆครับ อึดอัดแทนหมูจริงๆ
This corner, buffalo for sale. ถ้าอยากซื้อควายต้องมาอีกด้านครับ
They are young pigs. คำตอบก็คือลูกหมูครับ ร้องเสียงดังระงมแสบแก้วหูไปหมดเลย
Mother with her children were selling the ropes. แม่กับลูกๆกำลังนั่งขายเชือกครับ
Bakso trolley kiosk รถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวบักโซ ครับ สงสัยว่าใครจะกินลงเนี่ย บรรยากาศเหม็นอึ ควาย + หมู มากๆเลยอ่ะ แต่ก็เห็นมีชาวบ้านซื้อกิน เขาคงไม่คิดอะไรมากเหมือนเรามั้ง
We went back to the hotel and had Gado Gado (made from rice with tofu vegetable and peanut sauce) for our breakfast. This Rumah Makan (restaurant) is located near Pia's Poppies Hotel.
เรากลับมาจากตลาดโบลู แล้วก็แวะกินกาโด กาโด้ ก่อนเข้าโรงแรมครับ (กาโด กาโด้ มีส่วนผสมของข้าว เต้าหู้ ผัก ราดด้วยซอสถั่วครับ)
ประมาณ 10 โมงเช้า ลูกสาวเจ้าของโรงแรม นำเราไปที่งานแต่งที่หมู่บ้าน นังกาลา (ทางไป เมืองปาโลโป) ขี่มอเตอร์ไซต์ไปประมาณ 16 กิโลครับ ก็ถึงงานแต่ง แต่ต้องจอดมอเตอร์ไซต์เดินเข้าไปในงานเพราะป็นดินเหนียว รถเข้าไม่ได้ครับ เด็กหนุ่มในรูปเป็นแฟนกับลูกสาวเจ้าของโรงแรมครับ
At the wedding บรรยากาศทั่วไปในงานแต่งครับThe spokesman saluted to the guests. โฆษก กล่าวต้อนรับแขกที่มาในงานครับ
The singers started to sing.
เขาจ้างนักร้องมาร้องเพลงด้วยครับ ไม่ธรรมดา จริงๆ
Anak kecil Toraja (Torajan girl) in the traditional dress. เด็กหญิงตอราจา ในชุดประจำท้องถิ่นครับ
The guests in the ceremony. แขกที่มาร่วมพิธีในงานแต่งครับThey served us the sweet first. เขาเอาขนมหวานมาเสิร์ฟเราครับ คล้ายๆแป้งทอดหวานๆ แล้วก็มีทุเรียนทอดด้วยครับ เหมือนบ้านเราเลย
Lined up for the ceremony. ตั้งแถวเริ่มขบวนพิธีครับ
They were walking to the canopy of the ceremony.
กำลังเดินไปทางเต็นท์ปะรำพิธีครับ
She led the line and followed by the children, then, bride&groom and the relatives.
ขบวนนำโดยสาวคนนี้นะครับ แล้วก็ตามมาด้วยเด็กๆ แล้วก็เจ้าบ่าว เจ้าสาว และญาติๆครับ เดินเข้าไปในปะรำพิธี
Bride & Groom with their parents. เจ้าบ่าวเจ้าสาว ถ่ายรูปกับพ่อแม่ครับBride & Groom เจ้าบ่าว กับ เจ้าสาว ครับ ผม ทำไมไม่ยิ้มเลยก็ไม่รู้ สงสัยโดนบังคับแต่งแหงๆ (แฮ่ๆ ล้อเล่นนะครับ อย่าคิดมาก)
Bride and groom changed the dress to be the traditional Torajan dress and took the picture with the children. เจ้าบ่าว เจ้าสาว เปลี่ยนชุดใหม่ เป็นชุดประจำท้องถิ่นของ ทานา ตอราจา ถ่ายรูปกับเด็กๆ
The dancers danced in the ceremony. You can see the vedeo clip of this dancing on the right side link.
นางรำเริ่มเต้นตามจังหวะกลองในพิธี ดูวิดีโอได้ในลิงค์ด้านขวามือนะครับ
Once, a dancer had to stomp on the drum and the guests were coming to give the money to the owner of the wedding ceremony. They put the money into the blue basket in the picture.
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นางรำต้องขึ้นไปเหยียบบนกลองแบบนีด้วยครับ ช่วงที่เขารำกันจะมีชาวบ้านเอาเงินมาใส่ในตะกร้าที่ปิดกระดาษอยู่ในรูปน่ะครับ เสมือนการให้ซองกับเจ้าภาพของบ้านเราครับ แต่ต่างคนต่างเอาไปใส่ ไม่รู้เลยว่าใครใส่เท่าไหร่ แลไม่รู้ว่าใครใส่ลงไปบ้าง แต่เท่าที่สังเกต ทุกคนต่างก็ทยอยเอาใส่ รวมทั้งเราด้วยครับ (มากินของเขาฟรีได้ไง แถมได้ภาพ สวยๆกลับมาอีก)
After the ceremony finished, it rained very heavy.
พิธีทุกอย่างเสร็จฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักครับ สงสัยเทวดาจะอวยพรชัยแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวนะ
During the rained time, we showed the pictures of our all trip from Manado to this guy. When the rain stopped, we went back to the hotel in Rantepao.
The owners of Pia's Poppies hotel were very kind to us. We did not have to check-out at noon time as it was low season at that time and no more guests came to check-in that day. So they gave us the room for free until we checked-out in the evening to take the bus back to Makassar at 9:00 p.m.
เจ้าของโรงแรมใจดีมากถึงมากที่สุดครับ เราไม่ต้องเช็คเอาท์ตอนเที่ยง เพราะไม่มีแขกมาอินต่อในวันนั้นเพราะยังเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เราก็เลยได้ใช้ห้องจนคุ้ม ก่อนจะกลับมากัสซาร์ด้วยรถบัสเที่ยว สาม ทุ่ม ที่ได้จองไว้เมื่อวันก่อน
She also hosted us the dinner. She cooked by herself.
คุณป้าเจ้าของโรงแรมทำอาหารให้เรากินด้วยก่อนกลับ ท่านบอกว่าเดี๋ยวหิว ไม่ต้องไปกินข้างนอก มื้อนี้เลี้ยงฟรี (ก่อนหน้านี้ผมเคยสั่งข้าวผัดมากินจานเดียว เพราะต้องการประหยัด แกก็ทำให้สองจาน แต่คิดราคาจานเดียวให้เรา เพราะกลัวเราไม่อิ่ม ซึ้งจริงๆครับ) แถมยังลดค่าห้องให้เราอีกก่อนกลับ เราเลยให้แม่เหล็กติดตู้เย็นรูปเกาะสมุยให้แกเป็นที่ระลึกด้วย คุณป้าดีใจใหญ่เลย ที่นี่มีพนักงานอีกคนชื่อคริสเตียน ผู้ชายแต่ออกสาวๆนิดๆ นิสัยดีเหมือนกัน คอยให้ข้อมูลเราตลอดเวลา รวมทั้งสอนภาษาอินโดนีเซีย และภาษา ตอราจา ให้เราด้วยครับ มาพักที่นี่นะครับถ้าใครมารับรองไม่ผิดหวัง ห้องคืนละประมาณ 300 บาทเองแต่ห้องใหม่ มากๆ โทรศัพท์ +62423-21121 Jalan Pongtiku Tana Toraja
With Sven, our fr
iend from Germany, he had done the trip around from Java and Sulawesi and stayed in Pia's Poppes hotel in the same period with us.
ฝรั่งในรูปชื่อสเวน ครับ เป็นคนเยอรมัน เข้ามาพักช่วงเดียวกับเรา นิสัยดี เขาบอกว่าก่อนมาสุลาเวสี ได้ไปปีนภูเขาไฟโบรโม่มาแล้ว ที่ เกาะชวา ครับ
The owners of Pia's Poppies Hotel Mr.Yus Paulus and Ms.Nobe Rampao เจ้าของโรงแรม เพียส์ ป๊อปปี้ ครับ คุณลุงคุณป้า ใจดีมากๆ ก่อนขึ้นรถบัสตอนสามทุ่มก็โทรไปคอนเฟิร์มรถให้เรารออยู่ปากซอย ไม่ต้องเดินไปบริษัท เพราะโรงแรมอยู่ระหว่างทางจากตัวเมือง รันเตเปา ครับ
Previous topic :
บทความก่อนหน้า :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น